ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ฟรีที่นี่
กรวยไตอักเสบ...เกิดจากอะไร?
เมื่อพูดถึงการอักเสบแสดงว่าต้องมีการติดเชื้อ ซึ่ง กรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis) ก็คือภาวะที่เนื้อไตและกรวยไตติดเชื้อจนอักเสบ โดยส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ลุกลามขึ้นมาจากกระเพาะปัสสาวะ ผ่านเข้ามาทางท่อไต
สาเหตุของโรคนี้มาจากบริเวณกรวยไตติดเชื้อแบคทีเรีย ส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นเชื้ออีโคไล ซึ่งพบได้จากอุจจาระของคนทั่วไป นอกจากนี้ใครที่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคต่ำ อาจเกิดจากเชื้อราที่แพร่กระจายบริเวณผิวหนังรอบๆ ท่อปัสสาวะ ผ่านท่อปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะ ท่อไต ไปจนถึงกรวยไต
นอกจากนี้ผู้ที่กลั้นปัสสาวะนานๆ จะทำให้ปัสสาวะแช่อยู่ในทางเดินปัสสาวะนานกว่าปกติ อาจเพิ่มความเสี่ยงให้เป็นโรคนิ่วในทางเดินปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ จนอาจลามไปถึงกรวยไตอักเสบได้เช่นกัน
ใครบ้างที่ เสี่ยง เป็นกรวยไตอักเสบ?
กรวยไตอักเสบ เป็นโรคที่พบได้ค่อนข้างบ่อย และพบผู้ป่วยได้ในทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ (โดยเฉพาะในช่วงอายุน้อยกว่า 1 ขวบ ถึงอายุ 6 ขวบ) วัยรุ่น วัยทำงาน ไปจนถึงผู้สูงอายุ แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ เช่น
✅ผู้หญิง มีความเสี่ยงมากกว่าผู้ชาย โดยพบผู้ป่วยเพศหญิงมากกว่าเพศชาย 4-5 เท่า เพราะผู้หญิงมีท่อปัสสาวะสั้นและอยู่ใกล้ทวารหนักมากกว่าผู้ชาย จึงมีโอกาสแปดเปื้อนเชื้อโรคที่ออกมากับอุจจาระได้
✅สตรีมีตั้งครรภ์ 7-8 เดือนขึ้นไป เพราะมดลูกจะขยายใหญ่จนไปอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ จึงมีโอกาสติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ รวมทั้งเกิดโรคกรวยไตอักเสบได้
✅คนที่ชอบอั้นปัสสาวะ ซึ่งจะทำให้เชื้อโรคหมักหมมอยู่ในกระเพาะปัสสาวะได้นานขึ้น และเยื่อบุกระเพาะปัสสาวะที่ตึงตัวขึ้น (จากปริมาณปัสสาวะที่อั้นไว้) จะทำให้ความสามารถในการกำจัดเชื้อโรคได้น้อยลง จึงเกิดการอักเสบขึ้นได้
✅คนที่มีคู่นอนหลายคน เพราะสามารถติดเชื้อทางการมีเพศสัมพันธ์ได้
✅ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยด้วยโรคนี้
✅ผู้ที่เป็นนิ่วหรือเนื้องอกบริเวณทางเดินปัสสาวะ
✅ผู้ชายสูงอายุที่มีต่อมลูกหมากโต หรือท่อปัสสาวะตีบตัน
✅ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยที่ทานยาสเตียรอยด์มานาน ผู้ป่วยโรคที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ติดเชื้อ HIV, ผู้ป่วยมะเร็ง เพราะคนกลุ่มนี้จะมีภูมิต้านทานโรคต่ำ จึงมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนปกติ
✅เด็กที่มีภาวะปัสสาวะไหลย้อนกลับ (Vesicoureteral reflux) ซึ่งเป็นความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด
✅ผู้ป่วยอัมพาต เพราะกระเพาะปัสสาวะทำงานได้ไม่เต็มที่
✅ผู้ป่วยที่ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน หรือต้องใช้สายสวนปัสสาวะ
"ผลการรักษาที่ได้ อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล"
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ฟรีที่นี่
กรวยไตอักเสบ มีกี่ชนิด?
กรวยไตอักเสบ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือชนิดเฉียบพลัน กับ ชนิดเรื้อรัง ซึ่งมีความอันตรายแตกต่างกัน
กรวยไตอักเสบชนิดเฉียบพลัน (Acute Pyelonephritis)
คืออาการอักเสบติดเชื้อของไตและกรวยไต เป็นโรคที่มีอันตรายร้ายแรง แต่มี 7 อาการหลัก ๆ ที่สังเกตได้ชัดเจนคือ
❌มีไข้สูงมากกว่า 38 องศาเซลเซียส มีอาการหนาวสั่นมาก ต้องห่มผ้าหนา ๆ คล้ายกับอาการไข้มาลาเรีย แต่จะจับไข้ไม่เป็นเวลาแน่นอน มีอาการหนาวสั่นเป็นพัก ๆ วันละหลายครั้ง
❌ปวดบั้นเอว ปวดหลัง หรือสีข้างขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน อาจเป็นข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง หากลองใช้กำปั้นทุบเบา ๆ ตรงบริเวณที่ปวดจะรู้สึกเจ็บจนสะดุ้ง นอกจากนี้ยังอาจปวดร้าวลงมาที่ถึงบริเวณขาหนีบ
❌มีอาการขัดเบา คือ รู้สึกแสบขัดเวลาปัสสาวะ บางครั้งออกกะปริบกะปรอย ออกทีละน้อย แต่ปวดบ่อย ต้องเข้าห้องน้ำทุกชั่วโมงหรือชั่วโมงละหลายครั้ง
❌ปัสสาวะมีสีขาวขุ่น บางครั้งอาจข้นเป็นหนอง หรืออาจเป็นสีเลือดจาง ๆ
❌ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน แต่จะไม่เป็นหวัด เจ็บคอ หรือไอ
❌หน้าท้องอาจมีอาการกดเจ็บหรือท้องเกร็งแข็งเล็กน้อย
❌อาจมีหนอง หรือสารคัดหลั่งบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อเกิดการติดเชื้อจากทางเพศสัมพันธ์
กรวยไตอักเสบชนิดเรื้อรัง (Chronic Pyelonephritis)
ความน่ากลัวของกรวยไตอักเสบชนิดเรื้อรังก็คือ มักจะไม่ปรากฏอาการชัดเจนเหมือนกับชนิดเฉียบพลัน ต้องตรวจปัสสาวะถึงจะพบเชื้อแบคทีเรียและเม็ดเลือดขาวซึ่งบ่งบอกว่าติดเชื้อ ถือว่าเป็นภาวะที่อันตรายพอสมควรเพราะหากไม่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคนี้ แล้วไม่ได้รับการรักษา อาการกรวยไตอักเสบชนิดเรื้อรังอาจกลายเป็นไตวายหรือไตพิการ ซึ่งเป็นอันตรายรุนแรงถึงชีวิตได้
ดังนั้นหากใครมักมีอาการซีด อ่อนเพลีย มีความดันโลหิตสูง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุให้ชัดเจน รวมทั้งตรวจปัสสาวะเพื่อหาว่ามีภาวะโรคกวรยไตอักเสบเรื้อรังด้วยหรือไม่
วินิจฉัยอย่างไรว่าเป็นกรวยไตอักเสบ
อาการเป็นไข้ หนาวสั่น ปวดเอว ปวดหลัง เป็นอาการที่คล้ายกับโรคอื่น ๆ อีกหลายโรค เช่น ไข้หวัดใหญ่ ไข้มาลาเรีย ปอดอักเสบ ท่อน้ำดีอักเสบ ดังนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าอาการที่เป็นอยู่คือกรวยไตอักเสบจริง ๆ แพทย์จะต้องทำการวินิจฉัยอย่างละเอียดด้วยการตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด เอกซ์เรย์ หรือตรวจพิเศษอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย
กรวยไตอักเสบ รักษาหายไหม
หากเป็นโรคนี้ขึ้นมาก็ยังไม่ต้องกังวลมากนัก เพราะสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการทานยาปฏิชีวนะโดยต้องได้รับการสั่งจ่ายจากแพทย์ ส่วนในรายที่เป็นมาก แพทย์อาจให้ยาฉีด ซึ่งอาการจะทุเลาได้ภายใน 3-4 วัน แต่ถึงจะมีอาการดีขึ้นแล้วก็ยังต้องทานยาปฏิชีวนะต่อไปจนหมดเพื่อฆ่าเชื้อ
แต่หากมีอาการหนัก หรือตรวจพบสาเหตุซ่อนเร้นอื่น ๆ เช่น ต่อมลูกหมากโต มีนิ่ว แพทย์ก็จะให้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการแทรกซ้อนนั้น เช่น การผ่าตัด และเมื่อหายดีแล้ว แพทย์จะนัดมาตรวจปัสสาวะทุก ๆ 3-6 เดือน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้กลายเป็นกรวยไตอักเสบชนิดเรื้อรัง
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ฟรีที่นี่
กรวยไตอักเสบ กับโรคแทรกซ้อนที่ต้องระวัง
แม้โรคนี้จะรักษาได้ แต่ผู้ป่วยต้องรีบเข้ารับการรักษา อย่าปล่อยให้เป็นนาน เพราะเชื้ออาจลุกลามเข้ากระแสเลือดกลายเป็นภาวะโลหิตเป็นพิษ อาจเป็นอันตรายร้ายแรงได้ หรือหากผู้ป่วยไม่ปฏิบัติตามแพทย์สั่ง ทานยาปฏิชีวนะไม่ครบ หรือไม่มาพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจปัสสาวะ ภาวะที่เป็นอยู่อาจกลายเป็นโรคกรวยไตอักเสบเรื้อรังได้ ซึ่งหากปล่อยไว้นานอาจกลายเป็นไตวายหรือไตพิการถึงแก่ชีวิตได้เลย
การรักษากรวยไตอักเสบ
การรับประทานยาและดูแลอาการด้วยตนเองที่บ้าน การใช้ยาปฏิชีวนะเป็นพื้นฐานการรักษากรวยไตอักเสบโดยทั่วไป ซึ่งแพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะที่เจาะจงรักษาเชื้อแบคทีเรียชนิดใดชนิดหนึ่งหากสามารถระบุชนิดของเชื้อโรคได้ หรืออาจให้ยาปฏิชีวนะชนิดออกฤทธิ์กว้างหากไม่สามารถระบุชนิดของเชื้อแบคทีเรียได้ โดยผู้ป่วยต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง 10-14 วัน แม้อาการจะดีขึ้นภายใน 2-3 วันแรกแล้วก็ตาม ทั้งนี้ แพทย์อาจให้ตรวจปัสสาวะซ้ำหลังการรักษา เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการติดเชื้อแล้ว เพราะหากยังพบการติดเชื้อ ผู้ป่วยต้องรับประทานยาปฏิชีวนะอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษากรวยไตอักเสบ ได้แก่ ลีโวฟลอกซาซิน ไซโพรฟล็อกซาซิน ซัลฟาเมท็อกซาโซล ไทรเมโทพริม และแอมพิซิลลิน
นอกจากนี้ แพทย์อาจให้รับประทานยาแก้ปวดลดไข้ เช่น พาราเซตามอล และไอบูโพรเฟน เพืื่อบรรเทาอาการบางอย่างตามดุลยพินิจของแพทย์ โดยผู้ป่วยควรรับประทานยาให้ถูกต้องและเคร่งครัดตามคำสั่งแพทย์เสมอ
ในกรณีที่ผู้ป่วยกรวยไตอักเสบมีภาวะไตติดเชื้อชนิดเรื้อรัง ซึ่งอาจเกิดจากการอุดตันของฝีหนอง หรือความผิดปกติอื่น ๆ ของไต และผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ แพทย์อาจต้องผ่าตัดเพื่อรักษา หรืออาจต้องตัดเนื้อไตบางส่วนทิ้งไป หากพบว่าไตติดเชื้อรุนแรงมาก
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ฟรีที่นี่
หน้าที่เข้าชม | 1,882,961 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,612,009 ครั้ง |
เปิดร้าน | 10 มี.ค. 2561 |
ร้านค้าอัพเดท | 8 ก.ย. 2568 |